tag:blogger.com,1999:blog-75353809868329615942024-03-13T23:27:20.966-07:0010 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นปริศนาบันลือโลกAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13280755701757624373noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-7535380986832961594.post-47865841763284927302012-07-05T04:30:00.001-07:002012-07-05T04:30:18.528-07:00<br />
<div align="center" style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px;">
<span style="color: #993399; font-size: 17px;"><span style="font-size: 30px;">10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นปริศนาบันลือโลก</span></span></div>
<div align="center" style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px;">
<span style="color: #993399; font-size: 23px;"></span></div>
<div align="left" style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px;">
อันดับ 10 : มนุษย์หิมะ - เยติ (The Abominable Snowman)</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br /></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGMy87dN1bI/AAAAAAAAAAU/pHnGxbEFaiM/s1600-h/6827987.jpg" style="color: #bf277e; font-weight: bold;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216068815758939570" src="http://2.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGMy87dN1bI/AAAAAAAAAAU/pHnGxbEFaiM/s320/6827987.jpg" style="border-width: 0px; float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /></a><br />สถานที่นี้ก็อยู่ทวีปเอเซีย ในหุบเขาหิมาลัย ในประเทศเยติ<br />สถานที่นี้ได้มีการพบ อโบมิเนเบิ้ล สโนว์แมน หรือที่ชาวเซอร์ปาร์เรียกว่า เยติ มีประวัติอันยาวนานมากที่สุดในบรรดาเรื่องราวของมนุษย์วานรทั้งหมดของชาวภูเขา มันเข้าไปพัวพันอยู่ในความเพ้อฝัน ศาสนา ตำนาน เล่ห์ลวง และการค้า คนที่เคยเห็นมันเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ มูลของมันถูกนำมาวิเคราะห์ รอยเท้าถูกบันทึกภาพไว้และทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง มันถูกจัดให้เป็นตำนานโดยบันทึกภาพไว้และทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง มันถูกจัดให้เป็นตำนานโดยนักบุกเบิกในปลายยุค 1950 และ 1960 แต่ตอนนี้หลักฐานกากรดำรงอยู่ของมันดูเหมือนจะหนักแน่นขึ้นทุกวัน<br />นอกจากนั้นมันยังเป็นอสูรกายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทือกเขาหิมาลัย เป็นตำนานในหมู่ของชาวเนปาล โดยเฉพาะชาวเชอร์ปาผู้ที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูง ณ วัดแห่งหนึ่งในร่มเงาของเทือกเขา เอเวอร์เรส ท่านเจ้าอาวาสบอกว่ามักจะมีฝูงเยติมาเยือนทางวันอยู่เสมอในแต่ละปี<br />แต่ถ้าใครจะไปคงต้องรอหน่อยล่ะเพราะตอนนี้ประเทศเนปาลเป็นประเทศปิดแล้ว เพราะการยึดอำนาจของกษัตริย์ คงรออีกนานแหละกว่าจะเปิดประเทศ<br /><br /><a href="http://kjmatthews.users.btopenworld.com/cult_archaeology/images/crystalskull.jpg" style="color: #bf277e; font-weight: bold;"></a><br />อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา (NAZCA LINES : NAZCA, PERU)</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br /><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216068947694403394" src="http://1.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGMzEm9FP0I/AAAAAAAAAAc/sLGcuGpKlDQ/s320/6827986.jpg" style="float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /><br />สถานที่ท่องเที่ยวที่ต่อไปต้องบินไปถึงทวีปอเมริกาใต้ ในทะเลทรายทางภาคใต้ ที่ราบสูงของประเทศเปรูครับ<br />ที่นั้นมีลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพแปลกๆ มากมาย และเป็นข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีก บนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ แต่สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่งขึ้น<br />แต่รีบๆ ไปเที่ยวหน่อยล่ะ เพราะปัจจุบันลายเส้นพวกนี้นับวันยิ่งจางหายไปเนื่องจากรอยล้อรถของพวกนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ลบของเดิมที่มีมาไปจนเกือบหมดแล้ว<br /><br />อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (BERMUDA TRIANGLE : ATLANTIC OCEAN) <a href="http://1.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGMzNgUphnI/AAAAAAAAAAk/FltrBGl4c3s/s1600-h/6827983.gif" style="color: #bf277e; font-weight: bold;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216069100533024370" src="http://1.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGMzNgUphnI/AAAAAAAAAAk/FltrBGl4c3s/s320/6827983.gif" style="border-width: 0px; float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /></a><br />ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึง สู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก โดยอาณาบริเวณนี้กินกว้างจากฟลอริด้า-เปอร์โต ริโก-เกาะเบอร์มิวด้า มันกินพื้นที่ตั้งห้าแสนตารางไมล์<br />สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านี้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหา คำอธิบายได้ เช่น เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอยโดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจ ผู้คนจนถึงปัจจุบัน<br />ถ้าใครจะไปพิสูจน์ก็แขวนพระดีๆ หน่อยล่ะ<br /><br />อันดับ 7 : ป้อมปราสาทสยองขวัญ (The Tower of London) <a href="http://4.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGMzzzpvqFI/AAAAAAAAAAs/z845FGsHdsk/s1600-h/6827985.jpg" style="color: #bf277e; font-weight: bold;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216069758556809298" src="http://4.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGMzzzpvqFI/AAAAAAAAAAs/z845FGsHdsk/s320/6827985.jpg" style="border-width: 0px; float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /></a></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
สถานที่นี้ตั้งอยู่ในลอนดอนครับ มีชื่อเสียงมาก ถามใครต่างรู้จัก<br />จัดได้ว่าเป็นสถานที่โบราณที่มีเรื่องสยองขวัญเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะที่นั้นเป็นสถานที่ ทั้งกษัตริย์ ราชินี เชื้อพระวงศ์ ตอลอดจนขุนนางชั้นสูงต่างล้วนจบชีวิตลงที่นี้มาก โดยการตัดคอ<br />และมีหลายคนเห็นผีหัวขาดบ้าง ไม่ขาดบ้างปรากฏในปราสาทนี้นับครั้งไม่ถ้วนเลยครับ<br />ในปัจจุบันเราก็สามารถเยี่ยมสถานที่ตั้งนี้ได้อย่างสบายใจ โชคดีอาจเจอผีก็ได้น่ะ</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br /><br /><br /><br /><br /></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์ (OREGON VORTEX : GOLD HILL, OREGON) <a href="http://3.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM0BIOJ8JI/AAAAAAAAAA0/ZBWQGIftfpM/s1600-h/6827941.jpg" style="color: #bf277e; font-weight: bold;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216069987416535186" src="http://3.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM0BIOJ8JI/AAAAAAAAAA0/ZBWQGIftfpM/s320/6827941.jpg" style="border-width: 0px; float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /></a><br />สถานที่นี้ตั้งอยู่ในอเมริกา(ไม่บอกไม่รู้น่ะเนี้ย) ปรากฏในเคโรเระโดยน่ะจะบอกให้<br />พบกับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียง ลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่ โลกแห่งความจริง ที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้<br />ใครอยากไปสามารถติดต่อได้ที่ The Oregon Vortex<br />4303 Sardine Creek L Fork RD Gold Hill, OR 97525-9732 Voice: (541) 855-1543 Fax: (541) 855-5582</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br /></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br />อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน (THE BOSTON STRANGLER : BOSTON, MA)</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM0ZybHB7I/AAAAAAAAAA8/kEntTe1Q4og/s1600-h/6827940.jpg" style="color: #bf277e; font-weight: bold;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216070411062020018" src="http://4.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM0ZybHB7I/AAAAAAAAAA8/kEntTe1Q4og/s320/6827940.jpg" style="border-width: 0px; float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /></a><br />เมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาซูเซตต์ สหรัฐอเมริกา<br />คดีแห่งปริศนา(เกิดขึ้น 1962-2001) ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ?<br />มันฆาตกรระดับโลกอีกคนที่ถูกนำไปสร้างหนังมากที่สุดอีกคนหนึ่ง เหยื่อของมันส่วนมากเป็นหญิงชรา ผลงานของมันมีถึง 13 ศพ ทุกรายถูกทารุณกรรมทางเพศ บางครั้งโดนกัด ทุบด้วยของหนัก ถูกแทง และจัดศพแผ่หลาราวกับถ่ายหนังโป๊ ที่น่าสังเกตคือทุกศพโดนรัดคอด้วยของใช้ของผู้ตายเอง เช่น ถุงน่อง กางเกงในยืด ฯลฯ และมัดในรูปของหูกระต่ายวางที่ใต้คางเหยื่อ<br />คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอ ซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอ ซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา???<br />ปัจจุบันนี้เขายังมีการเปิดทัวร์ให้ไปเยี่ยมชมสถานที่การฆาตกรรมของเหยื่อทั้งหมดด้วยน่ะ ราคาก็ไม่แพง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคอฆาตกรรม สืบสวน สอบสวนได้ดีเลยแหละ<br /><br /><br /></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br /><br /><br /></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br />อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส (THE LOCH NESS MONSTER : INVERNESS, SCOTLAND)</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM0mIEicbI/AAAAAAAAABE/m5xrrVggsxc/s1600-h/6827984.jpg" style="color: #bf277e; font-weight: bold;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216070623031357874" src="http://4.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM0mIEicbI/AAAAAAAAABE/m5xrrVggsxc/s320/6827984.jpg" style="border-width: 0px; float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /></a><br />ทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์<br />บนโลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาด แห่งทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับสัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้องนี้ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคนต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง<br />ปัจจุบันเราสามารถไปท่องเที่ยวที่นั้นได้อย่างสบายเลยแหละเพราะเขาเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว พร้อมที่พักกับกล้องส่อง กล้องวงจรต่างๆ เผื่อถ่ายติดแล้วส่งรายการเรื่องจริงผ่านจอได้เลย</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br /><br /></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br /></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
อันดับ 3 : "คฤหาสน์วินเชสเตอร์" <a href="http://ohx3.exteen.com/20061114/the-winchester-mystery-house" style="color: #bf277e; font-weight: bold;">Mystery House </a></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM1XfvFanI/AAAAAAAAABM/CTkrdGyfIc0/s1600-h/6827943.gif" style="color: #bf277e; font-weight: bold;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216071471197416050" src="http://4.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM1XfvFanI/AAAAAAAAABM/CTkrdGyfIc0/s320/6827943.gif" style="border-width: 0px; float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /></a><br />คนที่อ่าน"Executional มหาสงครามออนไลน์ถล่มจักรวาล"คงร้องอ๋อกับสถานที่นี้<br />คฤหาสน์วินเชสเตอร์ ตั้งอยู่ที่ ซานโฮโซ แคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา ถูกสร้างในปีศตวรรษที่ 19 มันยังคงสภาพมานานเป็นเวลานานถึง 38 ปี และในปี 1974 ได้ถูกบันทึกเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของประเทศ นอกจากในแง่การก่อสร้างอันพิสดารแล้วยังมีชื่อว่าเป็นบ้านผีสิงอีกด้วย<br />คฤหาสน์หลังนี้มีมูลค่า 5,500,000 ดอลล่าร์สหรัฐ มีห้องทั้งหมด 160 ห้อง สูง 4 ชั้น (เดิม 7) ห้องใต้ดินสองชั้น ประตู 950 บาน หน้าต่างประมาณหมื่นบาน เตาผิง 47 เตา บันได 40 ที่(376 ขั้น) และห้องจัดเลี้ยงอีก 2 ห้อง ว่ากันว่าซาร่า สร้างคฤหาสน์นี้ขึ้นเพราะผีบอกให้สร้างเอาไว้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงผี และมีสิ่งที่แปลกก็เช่นบันไดที่ขึ้นไปโดยไม่สิ้นสุด ประตูห้องกลลวง หน้าต่างที่ไม่รู้จะสร้างมาทำไม ห้องกลไก ฯลฯ<br />ปัจจุบันนี้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม สำหรับทัวร์มีทั้งปกติในตอนกลางวันและทัวร์กลางคืน (ต้องมีไกด์นำทางกันหลง แต่ก็ระวังล่ะไกด์ก็เคยหลงมาแล้วเหมือนกัน)</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br /></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br />อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND GIANTS : EASTER ISLAND, CHILE)</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM2UQK8epI/AAAAAAAAABU/H5nQV2UYhNw/s1600-h/6827942.jpg" style="color: #bf277e; font-weight: bold;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216072514991323794" src="http://3.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM2UQK8epI/AAAAAAAAABU/H5nQV2UYhNw/s320/6827942.jpg" style="border-width: 0px; float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /></a><br />เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน? สร้างขึ้นได้อย่างไร? อาจเป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่อ ค.ศ.400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้นหาคำตอบต่อไป<br />ปัจจุบันไม่รู้เขาจะเปิดหรือเปล่า แต่จากการเดาน่ะเขาคงไม่เปิดแล้วแหละเพราะรัฐบาลเขากลัวนักท่องเที่ยวมาทำความเสียหายบนเกาะนี้</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br /></div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<br />อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (JACK THE RIPPER : LONDON, ENGLAND)</div>
<div style="background-color: #f7f0e9; color: #632035; font-family: Helvetica, Arial, Verdana, 'Trebuchet MS', sans-serif; font-size: 13px; text-align: left;">
<img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5216072966329803362" src="http://3.bp.blogspot.com/_mW_eN5Ac4m0/SGM2uhibImI/AAAAAAAAABc/ymNKDY12TeQ/s320/6827944.jpg" style="float: left; margin: 0px 10px 10px 0px;" /><br />คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1888 ที่ ตรอกไว้ท์แช็พเพล ในลอนดอน ประเภทอังกฤษ<br />มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดเหี้ยมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกกล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แววของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดังทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นมากมาย หลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาวหาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร?<br />เหมือนกับของบอสตัน ปัจจุบันเราสามารถไปท่องเที่ยวจุดเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมที่นั้นได้อย่างสบายเลยแหละเพราะเขาเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว พร้อมที่ไกด์ชราที่มาเล่าความหลังสมัยยังเด็ก แถมเป็นตอนกลางคืนอีก โอ้มันสนุกอะไรเช่นนี้ อย่างกับบ้านผีสิง</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13280755701757624373noreply@blogger.com0